วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ไรซานอลRicezanol16 น้ำมันจมูกข้าว100% ปลอดสารเคมี ไร้กลิ่นเหม็นหืน ปฏิบัติการสร้างภูมิคุ้มกันสมดุล


ภูมิคุ้มกันแข็งแรง สุขภาพแข็งแรง ทางเลือกที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพ

ทีมนักวิจัยจากบริษัทJSP ร่วมกันสร้าง
ไรซานอลRicezanol16  น้ำมันรำจมูกข้าว ปฏิบัติการสร้างภูมิคุ้มกันสมดุ บำรุงสุขภาพผู้มีปัญหา มะเร็ง
เบาหวาน ต้อหิน โรคผิวหนัง สะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ หอบหืด SLE เก๊าต์ รูมาตอยด์
พาร์คินสัน ไทรอยด์ ปลายประสาทอักเสบ ไขข้ออักเสบ สิวเรื้อรัง กระเพาะอักเสบ
กรดไหลย้อน ตับเสื่อม ไตวาย โรคหัวใจ(LDL)ฯลฯ 


ส่วนประกอบไรซานอลRicezanol16
จมูกข้าว 100% เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากจมูกข้าวดิบ ซึ่งเป็นส่วนที่ได้จากการขัดข้าวกล้อง
ให้เป็นข้าวสาร จึงมีคุณค่าทางอาหารสูง นอกจากนี้ยังสามารถสกัดสารอาหารอื่นที่มีอยู่
ในน้ำมันรำข้าว เพื่อใช้เป็นสารเสริมสุขภาพและเครื่องสำอางได้ น้ำมันจมูกข้าวเป็นน้ำมัน
ที่ได้จากกระบวนการพิเศษในการสกัดเอาสารสำคัญที่มี ประโยชน์นานาชนิดซึ่งมีอยู่ในเยื่อ
หุ้มเมล็ดข้าว (Seed Membrane layer) จึงอุดมด้วยสารสำคัญทางธรรมชาติ และมีคุณค่าสูง
ต่อร่างกาย

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

-มีปริมาณสารแกมม่าโอไรซานอลจำนวนมากถึง 16 มิลลิกรัมต่อแคปซูล
-บรรจุภายในแคปซูลรูปทรงสวยงาม
ส่วนประกอบหลักที่มีอยู่ใน ไรซานอลRicezanol16 คือ

•แกมม่าโอไรซานอล (GammaOryzanol)
มีฤทธิ์ในการลดระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ทำให้ลดการตีบตันของหลอดเลือด
เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และยังมีฤทธิ์ในการลดความเครียด และรักษาอาการผิดปกติ
ของสตรีวัยทอง นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ และยังป้องกันแสงยูวีได้ 
ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นและต้านการอักเสบ สารชนิดนี้มีความปลอดภัยสูงมาก

แกมม่าโอไรซานอล สกัดได้จากน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวและจะพบมากที่สุึดในจมูกข้าว
ซึ่งมีผลต่อร่างกายหลักๆ ดังนี้ คือ

1.ระดับไขมันในเลือดสูง
จากการศึกษาในคนการใช้แกมมาโอไรซานอลในการช่วยลดระดับไขมันในเลือดพบว่า
กลุ่มคนไข้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูงเมื่อได้รับแกมม่าโอไรซานอล ทำให้ระดับ
คลอเลสเตอรอลรวม และระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลงและยังเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอล
ชนิดดี (HDL)

เมื่อทราบสารสำคัญในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวแล้วเรามาทราบถึงข้อมูลของโคเลสเตอรอลบ้าง

    โคเลสเตอรอลเป็นไขมันชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้ายขี้ผึ้ง และเป็นส่วนประกอบสำคัญของ
ผนังเซลล์ในร่างกาย และเป็นสารตั้งต้นในการสร้างฮอร์โมนต่างๆนอกจากนี้ยังพบได้ใน
กระแสเลือด ถ้ามีแต่พอเพียงก็จะเป็นประโยชน์ แต่ถ้ามีโคเลสเตอรอลมากผิดปกติก็จะมี
โทษตามมา โดยโคเลสเตอรอลนี้จะไปพอกตามหลอดเลือดทั่วร่างกาย โดยเฉพาะหลอด
เลือดหัวใจ หลอดเลือดสมองและหลอดเลือดส่วนปลาย ทั้งนี้ในระยะแรกจะไม่มีอาการ
ใดๆให้เห็นเลยถ้าไม่มีการตรวจวัดโดยการเจาะ เลือดหรือตรวจสอบ แต่จะแสดงอาการ
ให้เห็นชัดเจนเมื่อโคเลสเตอรอลพอกมากขึ้นจนอุดตันทางเดินของ หลอดเลือด ก่อให้
เกิดโรคต่างๆเช่น โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หัวใจวาย โรคหลอดเลือด สมองตีบ
อัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งถึงจุดนั้นก็ยากที่จะเยียวยาให้หายเป็นปกติ นอกจากนี้ถ้ามีปัจจัย
เสี่ยงอื่นๆเช่น เพศชาย อายุมากขึ้น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคอ้วน ประวัติ
โรคหัวใจในครอบครัว หรือสูบบุหรี่ ก็จะเร่งให้เกิดโรคของหลอดเลือดเร็วกว่าปกติ

โคเลสเตอรอลมี 2 ชนิดคือ
1.โคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) ซึ่งเป็นตัวการที่จะไปจับตัวพอกพูนอยู่ตามหลอดเลือด
และเป็นต้นเหตุของอาการหลอดเลือดตีบตัน ซึ่งทำให้เกิดโรคต่างๆ
2. โคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) เป็นเสมือนเรือขุด ที่จะไปเอาไขมันที่พอกตัวอุดตัน
หลอดเลือดอยู่กลับไปทำลายเผาผลาญที่ตับ โคเลสเตอรอลชนิดนี้ยิ่งมีมากยิ่งดี และ
จะช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
*****ไขมันอีกชนิดที่มีผลร้ายต่อสุขภาพคือไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลบ่งชี้ว่า
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่อ้วน เป็น
เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมีระดับโคเลสเตอรอล HDL ต่ำ
อาจมีคนสงสัยว่าไขมันสูงเท่าไรจึงจะเกิดอันตราย ในภาวะไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะ
โคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) เป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด จึงควร
ตรวจระดับไขมันในเลือดเพื่อการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ


อันตรายของโคเลสเตอรอล คือ เป็นสาเหตุของหลอดเลือดตีบตันโดยโคเลสเตอรอล
ชนิดร้าย (LDL) ในกระแสเลือดแดงจะพอกตัวที่ผนังหลอดเลือดก่อให้เกิดคราบไขมัน
และหินปูนทำให้ หลอดเลือดแข็งตัวและตีบตัน
กระบวนสะสมตัวของคราบไขมันและการที่คราบหินปูนแตกออกหลุดเข้าไปในกระแส
เลือดอย่างเฉียบพลันส่งผลร้ายแรงให้เกิดอาการหัวใจวายถึงขั้นเสียชีวิตได้

กระบวนการก่อตัวของคราบหินปูนในหลอดเลือด
1. โคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) ในกระแสเลือดพอกตัวที่ผนังหลอดเลือดแดง
2. ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายส่งเม็ดเลือดขาวชนิดมาโครฟาร์จมากินโคเลสเตอรอล
มาโครฟาร์จที่อ้วนพอง กลายเป็นเซลล์โฟม
3. เซลล์โฟมสะสมตัวเป็นส่วนประกอบหลักของคราบหินปูน
4. เพื่อรักษาความเรียบมันของผนังหลอดเลือดแดง เซลล์กล้ามเนื้อเรียบจะสร้างปลอก
หุ้มคราบหินปูนไว้
5. เซลล์โฟมในคราบหินปูนจะหลั่งสารเคมีที่ทำให้ปลอกหุ้มอ่อนแอ
6. ถ้าปลอกหุ้มแตก คราบหินปูนจะแทรกเข้าสู่กระแสเลือดก่อให้เกิดการสร้างลิ่มเลือดที่
สามารถขัด ขวางการไหลเวียนของเลือดได้ อาการหัวใจวาย ส่วนใหญ่เกิดในเส้นเลือด
แดงที่ถูกปิดกั้นไปกว่าร้อยละ50 และบริเวณที่มีคราบหินปูนสะสมใหม่จะมีโอกาสที่จะเกิด
รอยแตกได้มากกว่า

2.กลุ่มอาการของหญิงวัยหมดประจำเดือน
การรายงานว่าเมื่อกลางปีค.ศ 1950 มีการแยกการสกัด การทำให้บริสุทธิ์ของแกมม่า
โอไรซานอล ในประเทศญี่ปุ่นคนญี่ปุ่นใช้สารตัวนี้ในการักษาทางยาตั้งแต่ปีค.ศ1962
สารตัวนี้ถูกใช้ในการรักษาอาการวิตกกังวล ในปีค.ศ1970 ค้นพบว่า สารตัวนี้รักษา
กลุ่มอาการของหญิงวัยหมดประจำเดือน และปลายปี ค.ศ1980 ได้รับการยอมรับใน
การใช้รักษาระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
แกมมาโอไรซานอลถูกพิสูจน์แล้วว่า มีประสิทธิภาพในการรักษากลุ่มอาการของหญิง
วัยหมดประจำเดือน เช่น อาการร้อนวูบวาบ และกลุ่มอาการชราภาพ มีรายงานฉบับหนึ่ง
พบว่าประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของคนไข้มีอาการของวัยหมดประจำเดือนลดลงถึง
ครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งจะแกมมาโอไรซานอลจะมีกลไกในการออกฤทธิ์ คือ
ลดการหลั่งฮอร์โมนลูติไนซิ่ง จากต่อมพิทูอิทาลี และเพิ่มการปลดปล่อยฮอร์โมน
เอนโดฟินจากสมองส่วนไฮโปธาลามัสแต่ผลทั้งหมดนี้ ไม่สำคัญมากเท่ากับผลที่ได้รับ
ในการทดลองทางคลีนิคที่เราต้องการ

3.การเกิดกรดในลำไส้
แกมม่าโอไรซานอลถูกนำมาใช้ในการรักษาปัญหาโรคแผลในกระเพาะอาหาร
โดยการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทควบคุมการหลั่งกรดให้ผิดไปจากเดิมที่เคยหลั่ง
กรดออกมามากก็ทำให้มีการหลั่งน้อยลงในระบบย่อยอาหารปกติ

4.การเสริมสร้างร่างกาย
แกมม่าโอไรซานอลถูกใช้ในการช่วยเสริมสร้างร่างกายแต่จะถูกควบคุมให้ดี
ขึ้นเล็กน้อยในการศึกษาในคนแต่ก็ยังคงเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ามีคุณประโยชน์ใน เรื่องนี้
5.การใช้ในด้านอื่นๆ
แกมม่าโอไรซานอลมีผลต่อการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง (CNS)
และระบบต่อมไร้ท่อ (endocrine system) มีการรายงานในเรื่องเหล่านี้ประปราย
ส่วนการศึกษาแกมม่าโอไรซานอลในสัตว์ทดลองมีผลเพิ่มการหลั่ง
นอร์อีพิเนฟรีน (norepinephrine) การศึกษาแกมม่าโอไรซานอลในคนมีผล
ยับยั้งการหลั่งระบบฮอร์โมนTSHในคนไข้ที่ เป็นโรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย
(hypothyroidism) มีผลโดยตรงต่อสมองส่วนไฮโปธาลามัส โดยรวมแล้วความ
สำคัญของผลการศึกษาเหล่านี้มีมากเลยในการทำการทดสอบในทาง คลินิก
การศึกษาแกมม่าโอไรซานอลในผู้ฝึกออกกำลังกาย พบว่า ขนาดการกินที่
เหมาะสมคือ 500 มิลลิกรัมต่อวัน การใช้แกมม่าโอไรซานอลยังไม่มีข้อห้ามใช้
อย่างเด่นชัด ส่วนการใช้ในหญิงตั้งครรภ์มีความปลอดภัย แต่การใช้ในระยะให้
นมบุตรอาจทำให้น้ำนม หยุดไหลได้ แกมม่าโอไรซานอลไม่ทำให้เกิดกลายพันธุ์
ไม่ทำให้เกิดการยับยั้งสายโครโมโซม ไม่ทำให้เกิดมะเร็ง

ประโยชน์ของน้ำมันจมูกข้าวไรซานอลRicezanol16
    •ลดโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในร่างกาย
สารธรรมชาติในน้ำมันจมูกข้าวหลายชนิด ได้แก่ แกมม่าโอไรซานอล วิตามินอี-กลุ่ม
โทโคไตรอีนอล ไฟโตสเตอรอลและกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3-6-9 มีส่วนช่วยลด
โคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) รวมทั้งไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) ในร่างกายนอก
จากนั้นแกมม่า-โอไรซานอล ยังช่วยคงระดับหรือเพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
ในร่างกายอีกด้วย
    •ป้องกันโรคหัวใจและโรคร้ายที่เกิดจากหลอดเลือดตีบตัน
โคเลสเตอรอลเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหลอดเลือดแข็งตัวและตีบตัน
การลดโคเลสเตอรอลจึงช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดได้
เช่น โรคหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย โรคหลอดเลือดตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น
    •ป้องกันโรคมะเร็ง
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวนับเป็นน้ำมันที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติสูงที่สุดชนิดหนึ่ง
ได้แก่ วิตามินอี-กลุ่มโทโคฟีนอลและกลุ่มโทโคไตรอีนอล แกมม่า-โอไรซานอล และ
ไฟโตสเตอรอล ซึ่งอนุมูลอิสระ (Free radicals) เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง
    •รักษาสมดุลระบบประสาท และบำรุงสมอง
วิตามินอีคอมเพล็กซ์ในน้ำมันจมูกข้าวมีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลของระบบ ประสาท
บำรุงสมอง เสริมความจำป้องกันโรคสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์
    •ปรับสมดุลของระบบฮอร์โมนในสตรีวัยทอง
มีงานวิจัย ยืนยันคุณค่าของแกมม่า-โอไรซานอล ที่ช่วยปรับสมดุลของระบบสตรีวัยทอง
และช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ (Hot Flashes) ได้
    •บำรุงผิวพรรณ
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวมีสารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณหลายชนิดเช่น วิตามินอีคอมเพล็กซ์ และสาร
ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยให้ความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง ลดเลือนริ้วรอย ต้านทาน
รังสี UV ช่วยป้องกันการเกิดกระ ฝ้า จุดด่างดำ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ที่สำคัญ
สแควลีนเป็นสารไวท์เทนนิ่ง ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
    •อุดมคุณค่าสารอาหารนานาชนิดที่ช่วยบำรุงร่างกาย
น้ำมันจมูกข้าว อุดมด้วยคุณค่าของสารนานาชนิดเช่น กรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระ
วิตามิน และแร่ธาตุซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยบำรุงร่างกาย

และผลิตภัณฑ์คุณภาพอีกมากมาย
http://www.shoppingmall.co.th/miso435

ราคาปลีก 750 บาท
ราคาสมาชิก 590 บาท(สมัครสมาชิกฟรี)
ขนาด 60 แคปซูลรัปประทานวันละ1-2 แคปซูล

                               โทรศัพท์สั่งซื้อสินค้าได้ในราคาสมาชิก 083-8800726









ธุรกิจออนไลน์ ลงทุนเริ่มหลักร้อย รับเงินหลักสูงสุดหลักล้าน ถูกกฏหมาย ผ่านสคบ.
http://www.onemorelifeonline.com/?id=miso435

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น